เป็นความโชคดีในเรื่องเวลาที่ปลอดจากการบรรยายและกิจกรรมในงานวิจัยให้คำปรึกษาต่างๆ จึงทำให้ได้มีโอกาสเดินทางร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์ วัดภัททันตะอาสภาราม ในการจาริกบุญ ณ ประเทศศรีลังกา ในระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2551
คณะผู้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ ประกอบด้วยพระภิกษุ 3 รูปและฆราวาส 12 ท่าน ได้เดินทางกราบนมัสการ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ เมืองอนุราธปุระ อดีตเมืองหลวงเก่าของศรีลังกา ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้ เป็นหน่อที่แยกมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นแรกที่พระพุทธเจ้าเสด็จประทับนั่งบำเพ็ญจนตรัสรู้อนุตตรสัมโพธิญาณ ณ ตำบลพุทธคยา ประเทศอินเดีย ซึ่งพระนางสังฆมิตตาเถรี พระภิกษุณี อดีตราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช ได้นำมาประดิษฐานไว้เมื่อราว 2,200 ปีมาแล้ว และกินเนสบุ๊คได้บันทึกไว้ว่าเป็นต้นไม้ที่มีอายุยาวนานที่สุดในโลก
เมืองที่ตั้งชื่อตามกลุ่มของดวงดาวอนุราธ ซึ่งหมายถึง ความมั่นคง ความสมบูรณ์พูนสุข และเป็นเมืองหลวงมายาวนานถึง 1,500 ปี แห่งนี้ ยังเป็นที่ตั้งของวัดอิสุรุมุณิยะ (Isurumuniya Vihara) ที่สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 3 ซึ่งเชื่อกันว่าพระมหินท์อรหันต์ ราชโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช ได้เคยมาจำพรรษาแรกที่วัดแห่งนี้ และพระมหาเจดีย์รุวันเวลิสายะ (Ruwanweliseya) หรือที่เรียกว่าพระเจดีย์สุวรรณมาลิก ที่ใหญ่และงดงาม เป็นต้นแบบพระเจดีย์ทรงโอคว่ำที่ถูกสร้างขึ้นในยุคหลัง เช่น พระปฐมเจดีย์ ในไทย รวมถึงวัดถูปาราม ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมธาตุพระรากขวัญเบื้องขวา (กระดูกไหปลาร้าของพระพุทธเจ้า)
ณ เมืองโปโลนารุวะ ได้กราบนมัสการพระอวุกนะ (Avukana) ที่มีความหมายว่า Sun eating เป็นพระยืนปางประทานพร ขนาดสูง 13 เมตร อายุกว่า 1,000 ปี เป็นพระพุทธรูปที่มีสภาพสมบูรณ์ประทับยืนที่หน้าผา สร้างโดยพระเจ้าธาตุเสนะ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 จากนั้น ได้เยี่ยมชมถ้ำดัมบูลา ณ เมืองดัมบูลา ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี และเคยเป็นที่พำนักของกษัตริย์ Walagamba ถึง 14 ปี ภายในถ้ำจะประกอบไปด้วยพระเจดีย์ พระพุทธรูปแกะสลักหินปางสมาธิ และภาพวาดพระพุทธรูปสีสันงดงามตามผนังถ้ำที่มีอยู่ถึง 5 ห้องด้วยกัน
ณ เมืองสิกิริยา ได้เดินทางขึ้นเขาสิกิริยา (Sigiriya Rock Fortress) ที่อดีตเคยเป็นป้อมปราการระฟ้า (Fortress in the sky) อันเลื่องชื่อ ในระหว่างทางขึ้นยอดเขา ยังพบภาพวาดสีเฟรสโก้รูปหญิงสาวชาวสิงหล ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี ปรากฏให้เห็นร่องรอยตามผนังภูผา
ณ เมืองแคนดี้ ได้กราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ที่วัดพระทันตธาตุ (Sacred Tooth Relic Temple) โดยพระทันตธาตุเขี้ยวแก้วองค์นี้ เป็นส่วนพระทนต์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่ในสถูปทองแวววาวซ้อนกันถึง 7 ชั้น ตามตำนานเชื่อกันว่ามีทั้งสิ้น 4 องค์ โดยพระอินทร์เก็บรักษาไว้บนสวรรค์ชั้นฟ้าองค์หนึ่ง พญานาคาเก็บไว้ในบาดาลองค์หนึ่ง ส่วนองค์ที่ 3 อยู่ที่แค้วนคันธาระในอัฟกานิสถาน ซึ่งต่อมา หลวงจีนฟาเหียนอันเชิญมาไว้ที่นานกิง ในประเทศจีน ก่อนที่จะไปประดิษฐานที่วัดหลิงกวง ชานกรุงปักกิ่ง และองค์ที่ 4 อยู่ที่กรุงแคนดี้ อดีตราชธานีของศรีลังกา มาตราบจนปัจจุบัน ชาวศรีลังกาถือว่าพระธาตุเขี้ยวแก้ว คือศูนย์รวมดวงใจและเป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาสูงส่งในพระพุทธศาสนา
ณ กรุงโคลัมโบ ได้กราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุและพระเจดีย์ ที่วัดกัลยาณีราชมหาวิหาร วัดนิกายสยามวงศ์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโคลัมโบ ซึ่งชาวศรีลังกาเชื่อว่า เมื่อกว่า 2,500 ปี มาแล้ว พระพุทธเจ้าได้เคยเสด็จมาประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์ทองคำที่วัดแห่งนี้ และพระพุทธเจ้าได้ทรงเทศน์โปรดชาวสิงหลเป็นครั้งแรกยังสถานที่นี้ ในวัดแห่งนี้ ยังมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 13 หน่อที่แยกมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่อนุราธปุระด้วย
ในระหว่างตลอดเส้นทางการเดินทาง คณะได้ร่วมกันบริจาคทำบุญในสถานที่สำคัญต่างๆ ด้วยความอิ่มอกอิ่มใจกันถ้วนหน้า ในโอกาสนี้ ผมก็ขอส่งกุศลผลบุญที่เกิดขึ้นจากการจาริกบุญในครั้งนี้ และที่มีมาก่อนหน้า ให้แก่ผู้อ่านทุกๆ ท่านโดยทั่วกัน
Wednesday, March 05, 2008
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
1 comment:
ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟังครับ
Post a Comment