Saturday, September 21, 2024

จาก ‘สามเหลี่ยม-เขยื้อนภูเขา’ สู่ ‘สามวง-นวัตสังคม’

ผมได้รับหนังสือ ทฤษฎีและการปฏิบัติการของนวัตกรรมสังคม จาก ดร.สุนทร คุณชัยมัง ซึ่งเป็นผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ ในฐานะอาจารย์ผู้สอนวิชาทฤษฎีและการปฏิบัติการของนวัตกรรมสังคม ที่วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต

แม้หนังสือเล่มนี้ จะใช้เป็นเอกสารประกอบการเรียนการสอนของวิชาเรียนในหลักสูตรระดับปริญญาเอก แต่ก็เป็นหนังสือที่อ่านไม่ยาก โดยได้ประมวลความรู้ที่เกี่ยวกับนวัตกรรมสังคมที่ครอบคลุมทั้งมิติของนวัตกรรมที่เป็นเรื่องของเทคโนโลยี กระบวนการและแบบแผนของการจัดการ และมิติของสังคมที่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ทางสังคม ทุนทางสังคม ปทัสถานทางสังคม และโครงสร้างทางสังคม ความหนาทั้งหมด 245 หน้า

เนื้อหาที่น่าสนใจในหนังสือเล่มนี้ นอกจากการประมวลที่มาและประวัติศาสตร์ของนวัตกรรมสังคมในส่วนที่หนึ่งซึ่งมี 3 บท รวมทั้งรูปแบบต่าง ๆ ของนวัตกรรมสังคม รวมทั้งกรณีศึกษาที่น่าสนใจประจำบท ในส่วนที่สองซึ่งมีถึง 8 บทด้วยกัน ผมให้ความสนใจเนื้อหาในส่วนที่สามที่เกี่ยวกับ Soft Power กับการปฏิบัติการเชิงนวัตกรรมสังคม และการขับเคลื่อนนวัตกรรมสังคม ซึ่งเป็น 2 บทสุดท้ายของหนังสือ

โดยการปฏิบัติการเชิงนวัตกรรมสังคม ด้วยการใช้ Hard & Soft Power จะมีความแตกต่างกัน ตามลักษณะของพฤติกรรม เริ่มจาก Hard Power จะใช้รูปแบบสั่งการหรือใช้อำนาจ และการกำหนดระเบียบปฏิบัติ โดยอาศัยมาตรการบังคับและการลงโทษ ขณะที่ Soft Power จะใช้รูปแบบการนำเสนอด้วยวาระหรือบทบาทที่ถูกกำหนดขึ้น และการดึงดูดให้ปฏิบัติตามความสมัครใจ โดยอาศัยการผลักดันให้เป็นค่านิยม วัฒนธรรม และนโยบาย

ทั้งนี้ ในหนังสือยังชี้ให้เห็นถึงการจัดแบ่งอำนาจ ออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ อำนาจในรูปแบบทางทหาร (Military Power) ด้วยการบีบบังคับ การป้องปราม และการคุ้มครอง โดยใช้การขู่ขวัญและแสนยานุภาพเป็นกระแสหลัก อำนาจในรูปแบบทางเศรษฐกิจ (Economic Power) ด้วยการจูงใจและการบีบคั้น โดยใช้การให้คุณให้โทษเป็นกระแสหลัก และอำนาจในรูปแบบที่นุ่มนวล (Soft Power) ด้วยการดึงดูดและการกำหนดให้เป็นวาระ โดยใช้ค่านิยม วัฒนธรรม นโยบาย และการทำให้เป็นสถาบัน เป็นกระแสหลัก

ซึ่งหากพิจารณาบริบทในสังคมยุคใหม่ที่ได้รับอิทธิพลอย่างกว้างขวางจากแพลตฟอร์มที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ประกอบเข้าด้วยแล้ว การแพร่กระจายของนวัตกรรมสังคมหนึ่ง ๆ ไปยังสังคมวงกว้างหรือสู่สังคมโลก ย่อมสามารถเกิดขึ้นโดยการใช้ Soft Power ได้อย่างสะดวกง่ายดายกว่าในยุคก่อน ๆ มาก อาทิ กระแส Korean Wave ที่เป็นกรณีตัวอย่างในหนังสือ ซึ่งได้แจกแจงให้เห็นถึงการปฏิบัติการทั้งการผลิต การสร้างสรรค์ และการร่วมผลิต และร่วมสร้างสรรค์ของผู้บริโภค/ผู้ชม และแฟนคลับ (จากประเทศต่าง ๆ) รวมไปถึงการเชื่อมโยงเรื่องของการสื่อสารของงานวัฒนธรรมไปสู่การทำหน้าที่เป็นเครื่องมือส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม

สำหรับการขับเคลื่อนนวัตกรรมสังคม ผู้เขียนได้ชี้ให้เห็นถึงการปฏิบัติการทางสังคมใน 3 รูปแบบ ได้แก่

แบบ Niche (วิถีเฉพาะ) เป็นกรณีที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรมในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เกิดขึ้นในพื้นที่หนึ่ง ๆ ด้วยเงื่อนไขที่มีความเฉพาะเจาะจง แล้วนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขยายตัวใน 3 แนวทาง ประกอบด้วย การขยายวง (Scale Out) โดยการทำซ้ำและการแพร่กระจายเพื่อเพิ่มจำนวนผู้คนหรือชุมชนที่ได้รับผล การขยายไต่ระดับ (Scale Up) โดยการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาบันขึ้นไปถึงระดับนโยบาย กฎระเบียบ และกฎหมาย และการขยายลงฐานราก (Scale Deep) โดยการเปลี่ยนความเชื่อ ค่านิยม วัฒนธรรม และมโนคติ

แบบ Regime (ระบอบ) เป็นการจัดการตามชุดความสัมพันธ์และโครงสร้างทางสังคมที่ยึดโยงกับเทคโนโลยีและความรู้ โดยที่การเปลี่ยนแปลงตามแบบแผนนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีเทคโนโลยีและความรู้ชุดใหม่ที่เป็นปัจจัยจากภายนอกไปกดดัน-บังคับ-สร้างผลต่อการเปลี่ยนการรับรู้บรรทัดฐานและกฎกติกาในทางปฏิบัติที่มีอยู่เดิมของสังคม

แบบ Landscape (ภูมิภาพ) เป็นเรื่องพื้นฐานความยั่งยืนของสังคม มีความเกี่ยวข้องทั้งเรื่องการจัดการกายภาพสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการเมือง วงจรเศรษฐกิจ และกระแสทางสังคม เป็นเสมือนเงื่อนไขพื้นฐานของทรัพยากรที่จะสนับสนุนและเป็น Big Idea ที่ทรงอิทธิพล ที่จะแสดงผ่านความก้าวหน้าของประชาธิปไตย ระบบทุนนิยม และวิทยาศาสตร์

ท้ายที่สุด ผู้เขียนสรุปให้เห็นถึงองค์ประกอบของนวัตกรรมสังคม ที่ต้องประกอบด้วย
(1)วิถีทาง (Means) ซึ่งเป็นกลไกการทำงานที่นำไปสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการที่ไปตอบสนองต่อการแก้ปัญหาสังคมให้แล้วเสร็จ
(2)จุดหมายปลายทาง (Ends) ซึ่งเป็นความแล้วเสร็จของประเด็น/ปัญหาทางสังคมที่แก้ไขได้เป็นผลให้ระบบเศรษฐกิจและสังคม มีทุนก้อนใหม่ ที่มีขีดความสามารถทางการแข่งขันมากกว่าเดิม ตามนัยของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
(3)พื้นที่ดำเนินงาน (Space) ในที่นี้ หมายถึง พื้นที่ชุมชน เมือง ประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติจริงภาคสนาม (ที่แตกต่างจากพื้นที่ทางวิชาการทั่วไป-นามธรรม) รวมทั้งการยืนยันความเป็นพื้นที่ในแง่มุมของวิธีดำเนินการตั้งแต่การคิด ลงมือทำ ไปจนถึงความสำเร็จ และผลของความสำเร็จต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบ
จากแนวคิด สามเหลี่ยม-เขยื้อนภูเขา ที่มีองค์ประกอบ 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างความรู้ การเคลื่อนไหวทางสังคม และการเชื่อมต่อกับการเมือง ซึ่งถูกนำเสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี เมื่อปี 2545 ในฐานะที่เป็นเครื่องมือการปฏิรูปซึ่งมีฐานคิดอยู่บนเงื่อนไขและบริบทของสังคมในขณะนั้น หนังสือเล่มนี้ได้เสนอแนวคิด สามวง-นวัตสังคม ตามที่ ดร.สุนทร คุณชัยมัง ชี้ให้เห็นว่าต้องพิจารณาทั้งวิถีทาง พื้นที่ดำเนินงาน และจุดหมายปลายทาง ที่นำไปสู่การผลิต “ทุนก้อนใหม่” ตามนัยของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และรวมความถึงพื้นที่ความสัมพันธ์ทางสังคมดิจิทัลที่ผลักดันให้เกิดปรากฏการณ์ทางสังคมในรูปแบบใหม่ ๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

สำหรับผู้ใดที่สนใจหนังสือเล่มนี้ ปัจจุบัน มีจำหน่ายตามศูนย์หนังสือในมหาวิทยาลัยทั่วไป และร้านออนไลน์ของศูนย์หนังสือจุฬา ซึ่งมีทั้งแบบเล่มหนังสือและอีบุ๊ก ให้ได้ศึกษาค้นคว้าและทำความเข้าใจในเรื่องนวัตกรรมสังคมอย่างรอบด้าน


จากบทความ 'Sustainpreneur' ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ External Link [Archived]

Saturday, September 07, 2024

ตัวชี้วัด ESG สำหรับธุรกิจครอบครัว

ในบรรดากิจการที่มีอยู่ทั่วโลก ธุรกิจครอบครัวมีสัดส่วนอยู่ถึงสองในสาม โดยมีมูลค่ามากกว่า 70% ของจีดีพีโลก และครองสัดส่วนการจ้างงานอยู่ราว 60% นอกจากนี้ 85% ของธุรกิจสตาร์ตอัปทั่วโลก ถูกก่อตั้งขึ้นด้วยเงินจากครอบครัว (ที่มา: FFI Global Data Points)

จากข้อมูลการสำรวจของ Family Business Network องค์กรเครือข่ายธุรกิจครอบครัวที่ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1989 มีสมาชิกรวมกันกว่า 4,500 ครอบครัวธุรกิจ ใน 65 ประเทศทั่วโลก ระบุว่า แม้กิจการครอบครัวจะให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นกับประเด็นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) แต่เกือบ 60% ของ 191 กิจการครอบครัวที่ทำการสำรวจ ยังมิได้มีการจัดทำรายงานประจำปี

โดย 16% ของกิจการที่ถูกสำรวจ มีการเปิดเผยตัวเลขการดำเนินงานตามตัวชี้วัดทางสังคมและสิ่งแวดล้อมต่อสาธารณะ และมีเพียง 5% ที่มีการรับฟังกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อใช้กำหนดเนื้อหาในรายงาน

เครือข่ายธุรกิจครอบครัว (FBN) ได้ร่วมกับองค์การภายใต้สหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ทำความริเริ่มว่าด้วยธุรกิจครอบครัวเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เมื่อปี ค.ศ. 2019 และได้มีการจัดทำชุดตัวชี้วัดความยั่งยืนสำหรับธุรกิจครอบครัว หรือ Sustainability Indicators for Family Businesses (SIFB) ขึ้น เพื่อส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานในประเด็นด้าน ESG ในหมู่กิจการครอบครัวทั่วโลก

ด้วยความเข้าใจในบริบทของธุรกิจครอบครัว ซึ่งมีโครงสร้างการกำกับดูแลที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีบรรทัดฐานแห่งความเป็นเจ้าของที่เด่นชัด และมีพลวัตสูง ทำให้ชุดตัวชี้วัดความยั่งยืนที่จัดทำขึ้น จำเป็นต้องตอบสนองต่อคุณลักษณะเฉพาะของตัวแบบธุรกิจครอบครัว และคำนึงถึงการวัดผลที่สามารถชี้แนวทางการดำเนินงาน การยกระดับการปฏิบัติด้านความยั่งยืน และการมีส่วนสนับสนุนต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ชุดตัวชี้วัดความยั่งยืนสำหรับธุรกิจครอบครัว แบ่งออกเป็น 4 หมวด ประกอบด้วย 9 ตัวชี้วัดหลัก และ 2 ตัวชี้วัดเผื่อเลือก โดยตัวชี้วัดหมวดธรรมาภิบาล ได้แก่ การสนับสนุนมาตรฐานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม การทบทวนการปฏิบัติงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ความโปร่งใสในการปฏิบัติงานด้านความยั่งยืน กรรมการอิสระ การกำกับดูแลครอบครัว และความเป็นเจ้าของอย่างรับผิดชอบ

ตัวชี้วัดหมวดสายอุปทาน ได้แก่ นโยบายด้านจริยธรรมในสายอุปทาน และการปฏิบัติด้านจริยธรรมในสายอุปทาน ตัวชี้วัดหมวดผลกระทบชุมชน ได้แก่ การบริจาคเพื่อการกุศล และตัวชี้วัดหมวดผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืน (เผื่อเลือก) ได้แก่ การสร้างผลได้ทางสังคม และการปรับพฤติกรรมที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมของลูกค้า

ในหมวดธรรมาภิบาล คำถามที่ใช้วัดผลการดำเนินงาน ประกอบด้วย
บริษัทมีการทำงานกับผู้ออกนโยบาย และ/หรือผู้มีส่วนได้เสียในการพัฒนาหรือสนับสนุนการนำมาตรฐาน ESG มาดำเนินการเพิ่มขึ้นหรือไม่
คณะกรรมการมีการทบทวนการปฏิบัติงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมของบริษัท เป็นประจำทุกปีเป็นอย่างน้อย เพื่อกำหนดว่าบริษัทได้บรรลุวัตถุประสงค์ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมหรือไม่
บริษัทมีการเปิดเผยผลการทบทวนไว้ในรายงานสำหรับเผยแพร่ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง อาทิ พนักงาน ผู้ส่งมอบ ลูกค้า และเจ้าของกิจการ หรือไม่
จำนวนและสัดส่วนของกรรมการอิสระในคณะกรรมการบริษัท
บริษัทมีธรรมนูญครอบครัว (ข้อควรและข้อห้ามในการปฏิบัติ) เพื่อให้แน่ใจว่าได้ใช้เป็นหลักการกำกับดูแลที่ดีของธุรกิจและครอบครัวในระยะยาวหรือไม่
ในฐานะที่เป็นธุรกิจครอบครัว ท่านได้มีการใช้ทรัพยากรและจัดเตรียมแนวทางในการส่งเสริมนโยบายที่เน้นการพัฒนา และเตรียมตัวให้แก่ทายาทรุ่นต่อไปเพื่อการเป็นเจ้าของอย่างรับผิดชอบหรือไม่

ในหมวดสายอุปทาน คำถามที่ใช้วัดผลการดำเนินงาน ประกอบด้วย
บริษัทมีการจัดทำจรรยาบรรณผู้ส่งมอบเป็นลายลักษณ์อักษร โดยใช้เป็นข้อปฏิบัติด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมสำหรับให้ผู้ส่งมอบดำเนินการ ซึ่งรวมถึงนโยบายการค้าที่เป็นธรรม การต่อต้านการใช้แรงงานทาส แรงงานบังคับ แรงงานเด็ก ฯลฯ หรือไม่
ประมาณการร้อยละของวัสดุหรือผลิตภัณฑ์ที่จัดซื้อโดยบริษัท หรือมาจากแหล่งที่ยั่งยืน ตามนโยบายด้านจริยธรรมในสายอุปทาน

ในหมวดผลกระทบชุมชน คำถามที่ใช้วัดผลการดำเนินงาน ประกอบด้วย
ท่านได้ใช้กองทุนครอบครัว (อาทิ ผ่านทางมูลนิธิในสังกัด) เพื่อให้การสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น หรือชุมชนซึ่งเป็นถิ่นที่ตั้งของสถานประกอบการหรือไม่ (ความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ความเป็นอยู่ที่ดี งานที่มีคุณค่า ความมั่นคงทางทรัพยากร ระบบนิเวศทางสุขภาพ เสถียรภาพทางภูมิอากาศ ฯลฯ)

ในหมวดผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืน (เผื่อเลือก) คำถามที่ใช้วัดผลการดำเนินงาน ประกอบด้วย
ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมในด้านใด (บริการขั้นพื้นฐาน การศึกษา การสร้างโอกาสและความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ การเข้าถึงตลาด การเสริมสร้างขีดความสามารถแก่องค์กรไม่แสวงหากำไร/วิสาหกิจเพื่อสังคม)
ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท เอื้อให้ลูกค้าประจำและ/หรือผู้ใช้บริการปกป้องสิ่งแวดล้อม หรือปรับพฤติกรรมที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมในด้านใด (การใช้พลังงานหมุนเวียน การอนุรักษ์ทรัพยากร การลดของเสีย การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ การลดสารพิษ/สารที่ก่ออันตราย การศึกษา ตรวจวัด วิจัย หรือจัดหาข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม)

สถาบันไทยพัฒน์ ในฐานะหน่วยงานที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความยั่งยืนของกิจการ และขับเคลื่อนประเด็นด้าน ESG ร่วมกับภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำหลักสูตร ESG Private สำหรับธุรกิจครอบครัว เพื่อให้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นระบบ และเป็นการเตรียมธุรกิจครอบครัวให้พร้อมต่อการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตอย่างยั่งยืน

หวังว่า ชุดตัวชี้วัด ESG สำหรับธุรกิจครอบครัว และคำถามที่ใช้วัดผลการดำเนินงานข้างต้น จะเป็นประโยชน์กับธุรกิจครอบครัวในประเทศไทย สำหรับใช้เป็นแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจครอบครัวของท่านสู่ความยั่งยืนตามกรอบ SIFB ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้ไม่มากก็น้อย


จากบทความ 'Sustainpreneur' ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ External Link [Archived]