Saturday, July 03, 2021

ผลตอบแทนหุ้น ESG ครึ่งปีแรก

แม้การลงทุนโดยใช้ข้อมูลในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) เป็นปัจจัยประกอบสำหรับการตัดสินใจลงทุน จะยังมิใช่การลงทุนกระแสหลักในบ้านเรา แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการส่งเสริมให้บริษัทที่ลงทุน (Investees) มีการดูแลสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบต่อสังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ในขณะที่ผู้ลงทุนยังคงได้รับผลตอบแทนที่ไม่ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป

มอร์นิ่งสตาร์ ได้ทำการสำรวจข้อมูลการลงทุนที่คำนึงถึง ESG ผ่านกองทุนยั่งยืนที่จดทะเบียนในประเทศไทย พบว่า ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มูลค่ากองทุนยั่งยืนในประเทศไทยรวมอยู่ที่ 5.6 หมื่นล้านบาท หรือโตเกือบเท่าตัวจากสิ้นปี 2020

อย่างไรก็ดี มูลค่าทรัพย์สินเกือบทั้งหมดเป็นการลงทุนในต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่ารวม 5.5 หมื่นล้านบาทหรือราว 97% ของมูลค่าการลงทุนอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ในขณะที่การลงทุนในประเทศมีมูลค่ารวมเพียง 1.5 พันล้านบาท

แสดงให้เห็นว่า การลงทุนอย่างยั่งยืนในประเทศ ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก หากมีการส่งเสริมให้มีอุปทาน (Supply) คือ จำนวนบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินการด้าน ESG และมีการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้มียูนิเวอร์สที่เป็นหุ้นยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น

สถาบันไทยพัฒน์ ในฐานะผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย ได้มีการประเมินและจัดทำรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG ที่เรียกว่า ทำเนียบหุ้น ESG100 นับตั้งแต่ปี 2558 และดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่เจ็ดในปีนี้

ในปี 2561 ได้เริ่มคัดเลือกหุ้น ESG100 มาจัดทำเป็น Thaipat ESG Index ซึ่งเป็นดัชนี ESG แรกในประเทศไทย ที่ใช้การคำนวณดัชนีด้วยวิธีถ่วงน้ำหนักหลักทรัพย์เท่ากัน (Equal Weighed Index) คือ ให้ความสำคัญกับหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของดัชนีเท่ากันทุกหลักทรัพย์ โดยไม่ขึ้นกับขนาดของหลักทรัพย์ และมี S&P Dow Jones เป็นผู้คำนวณข้อมูลดัชนีและเผยแพร่ผ่านหน้าจอ Bloomberg และ Reuters ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วโลก

โดยเมื่อพิจารณาผลตอบแทนรวม (Total Return) ในครึ่งปีแรกของปีนี้ พบว่า Thaipat ESG Index (THAIESGT) ให้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 14.45% และหากคำนวณระหว่างช่วงต้นปี 63 ตั้งแต่ที่มีสถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้น จนถึงปัจจุบัน (1 ก.ค. 64) พบว่า อัตราผลตอบแทนของดัชนี THAIESGT อยู่ที่ 16.24%

ขณะที่ดัชนีผลตอบแทนรวม SET TRI ซึ่งเป็นดัชนีสะท้อนภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ ให้ผลตอบแทนครึ่งปีแรกอยู่ที่ 11.89% และอัตราผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงปัจจุบัน (1 ก.ค. 64) อยู่ที่ 6.03%

เป็นเครื่องยืนยันว่า นอกจากที่การลงทุนโดยคำนึงถึงปัจจัย ESG จะส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ยังสามารถให้ผลตอบแทนการลงทุนที่สูงกว่า Benchmark หรือเกณฑ์อ้างอิงที่ใช้เปรียบเทียบผลตอบแทนตลาดโดยรวมด้วย


จากบทความ 'Sustainpreneur' ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ External Link [Archived]

No comments: