Tuesday, October 21, 2008

เศรษฐกิจพอเพียงในทัศนะโลก

วันนี้ ได้ไปร่วมแถลงข่าวเปิดบทสัมภาษณ์ “เศรษฐกิจพอเพียงในทัศนะโลก” (Sufficiency Economy in Global View) ร่วมกับอาจารย์อภิชัย พันธเสน ผู้อำนวยการ สถาบันการจัดการเพื่อชนบทและสังคม มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (บชท.) อาจารย์สีลาภรณ์ บัวสาย รองผู้อำนวยการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และคุณพีระพงษ์ กลิ่นละออ ผู้อำนวยการสำนักงานสำนึกรักบ้านเกิด บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ณ ห้องประชุม Lotus Suite 9 ชั้น 22 ศูนย์ประชุมบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ กรุงเทพฯ

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการสัมภาษณ์นักคิด นักวิชาการ และผู้มีชื่อเสียงระดับโลกถึง 13 คน และรวบรวมเป็นบทความไว้ที่เดียวกันจำนวน 12 บทความ เป็นการยื่นข้อเสนอแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่โลก

โดยมีตัวอย่างบุคคลที่ทางโครงการฯ สัมภาษณ์ ได้แก่ ศ.ดร. วูล์ฟกัง ซัคส์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมคนสำคัญของประเทศเยอรมนี ให้ความสนใจการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างมาก และมองว่าน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับทุกประเทศในเวลานี้ อีกทั้งมีแนวคิดผลักดันเศรษฐกิจพอเพียงให้เป็นที่รู้จักในเยอรมนี

นอกจากนี้ยังมี ศ.ดร.อมาตยา เซน ศาสตราจารย์ชาวอินเดียเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ปี 1998 ซึ่งมองว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นการใช้สิ่งต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ และใช้โอกาสให้พอเพียงกับชีวิตที่ดี ซึ่งไม่ได้หมายถึงความไม่ต้องการ แต่ต้องรู้จักใชข้ชีวิตให้ดีพอ อย่าให้ความสำคัญกับเรื่องของรายได้และความร่ำราวย แต่ให้มองที่คุณค่าของชีวิตมนุษย์

ด้าน ฯพณฯ จิกมี ทินเลย์ นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศภูฏาน ได้ให้ทัศนะว่า หากประเทศไทยกำหนดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงให้เป็นวาระระดับชาติ และดำเนินตามแนวทางนี้อย่างจริงจัง “ผมว่าประเทศไทยจะสามารถสร้างโลกใบใหม่จากหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สร้างชีวิตที่ยั่งยืน และสุดท้ายจะไม่หยุดเพียงแค่ในประเทศ แต่จะเป็นหลักการและแนวปฏิบัติของโลก ซึ่งหากทำได้สำเร็จ ไทยก็คือผู้นำ”

อาจารย์สีลาภรณ์ บัวสาย กล่าวว่า ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์และผู้นำระดับโลกพบแล้วว่า ความรู้และอุตสาหกรรมที่พัฒนาขึ้นเมื่อศตวรรษที่แล้วได้เป็นพลังขับเคลื่อนโลกเมื่อศตวรรษที่แล้ว และถึงขณะนี้เราเห็นแล้วว่า โลกเกิดความไม่สมดุลอย่างรุนแรง แสดงว่าความรู้ไม่สมบูรณ์ และเทคโนโลยีที่อุตสาหกรรมใช้ก็สร้างการบริโภคพลังงานมากจนเกิดความไม่สมดุล เกิดปัญหาโลกร้อน ความเสื่อมโทรมของทรัพยากร ความไม่สมดุลทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงมีคำถามว่า เมื่อขึ้นศตวรรษใหม่ ความรู้อะไร วิธีคิดแบบไหน ที่จะทำให้โลกอยู่รอดได้

"ประเทศไทยโชคดีมากด้วยพระปรีชาญาณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ได้ทรงสร้างปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขึ้น และบอกด้วยว่า ต้องมุ่งเข้าหาความพอประมาณ มีเหตุผล และความมีภูมิคุ้มกัน ขณะเดียวกันเป้าหมายนี้ยังเป็นทั้งวิธีการ และวิธีคิดด้วย แล้วเราต้องคิดต่อว่า จะทำอย่างไร เราต้องการการถกเถียงในระดับโลกเพื่อตกผลึกว่า วิธีคิดแบบไหน ความรู้แบบไหน ที่จะผลักดันความก้าวหน้าของโลกศตวรรษใหม่ เพราะโลกมาถึงทางตันแล้ว"

ส่วนอาจารย์อภิชัย พันธเสน กล่าวว่า วิกฤติทุกครั้งมีพื้นฐานมาจากความโลภ เพราะระบบเศรษฐกิจทุนนิยมและวิชาเศรษฐศาสตร์สอนให้มนุษย์แสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเองมากที่สุด และการผลิตเป็นสิ่งที่ดีเพราะก่อให้เกิดรายได้ แต่สิ่งที่ไม่ได้สอนคือ ยิ่งผลิตมากยิ่งก่อให้เกิดของเสียมาก และยิ่งผลาญทรัพยากรในอัตราเร่งมากขึ้น พร้อมกับย้ำว่า “แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงต้องเน้นที่ความพอเพียงกับคุณธรรมอันประกอบด้วย ความซื่อสัตย์ ขยัน อดทน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แบ่งปัน ซึ่งเป็นสองสิ่งที่สำคัญ แต่คนไม่ค่อยพูดถึง”

"เศรษฐกิจพอเพียงนั้น มีอยู่แค่สองความหมายคือ พอเพียง กับ คุณธรรม ซึ่งเป็นสองสิ่งที่ต้องไปควบคู่กัน โดยชนชาติตะวันตกนั้นอาจไม่เข้าใจในเรื่องนี้ เพราะปัจจุบันวิกฤติทางการเงินที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากความโลภทั้งสิ้น ถ้าโลภแค่คนหรือสองคนก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบที่เป็นอยู่ แต่ความโลภปัจจุบันได้กลายเป็นสถาบัน"

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ sufficiencyeconomy.com

No comments: